Transnationalism
ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ
ความหมาย:
การข้ามพรมแดนรัฐชาติ หรือTransnationalism หมายถึง ปรากฎการณ์ทางสังคมที่คนกลุ่มต่างติดต่อเชื่อมโยงผ่านความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ซึ่งมิได้จำกัดอยู่ภายในดินแดนของรัฐชาติใด แต่ติดต่อเชื่อมโยงข้ามอาณาเขตของรัฐชาติสมัยใหม่ อาศัยเทคโนโลยีสื่อสารเข้ามาช่วยในการติดต่อสัมพันธ์ ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น เทคโนโลยีในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะการขนส่งและการสื่อสาร เช่นเครื่องบิน โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และวีดิโอ ทำให้โลกติดต่อสัมพันธ์กันอย่างเข้มข้น โลกจึงเต็มไปด้วยการหลั่งไหลของผู้คน ภาพลักษณ์ และวัตถุ สิ่งเหล่านี้ส่งต่อข้ามพรมแดน และทำให้เกิดข้อถกเถียงใหม่เกี่ยวกับผลกระทบของสินค้า สื่อ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโลก ซึ่งมีการอพยพย้ายเข้า ย้ายออกของผู้คนภายในรัฐชาติ ความสัมพันธ์แบบเชื่อมโยงร้อยรัดเข้าด้วยกันที่เกิดขึ้นกับโลก คือการหลั่งไหลทางวัฒนธรรมข้ามพรมแดน ซึ่งการศึกษาทางมานุษยวิทยาอาจเรียกว่า ลักษณะข้ามพรมแดนรัฐชาติ (transnationalism)
การศึกษาของ อัพพาดูไร อธิบายว่าการข้ามพรมแดนมี 5 ลักษณะ คือ
1 พรมแดนชาติพันธุ์ (ethnoscapes) เกิดการเคลื่อนไหวของผู้คน เช่น นักท่องเที่ยว คนอพยพ คนถูกเนรเทศ คนย้ายถิ่นอาศัย และคนทำงาน คนอพยพและคนทำงานในที่นี้เกิดขึ้นมากในโลกที่สาม ซึ่งมีแรงงานจำนวนมากย้ายถิ่นไปทำงานในโลกที่หนึ่ง การอพยพแรงงานนี้ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของมวลชนจำนวนมาก ประเทศอเมริกาและประเทศในยุโรปจะกลายเป็นตัวแบบให้กับโลกที่สาม
2 พรมแดนเทคโนโลยี (technoscapes) เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลโดยบริษัทการค้าต่างๆ กิจการพาณิชย์เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น บริษัทผลิตเหล็กในลิเบียอาจได้รับความสนใจจากอินเดีย รัสเซีย จีนหรือญี่ปุ่น
3 พรมแดนการเงิน (finanscapes) มีการหลั่งไหลของเงินตราจำนวนมากในตลาดการค้าการลงทุน การเคลื่อนไหวของเงินตรากลายเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดขอบเขต เพราะนายทุนต้องการผลกำไรมากโดยต้องติดต่อกับต่างประเทศ มิใช่ลงทุนในประเทศอย่างเดียว สิ่งนี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งชนิดใหม่ เช่น ชาวลอสแอนเจลีสไม่พอใจชาวญี่ปุ่นที่มาซื้อเมืองของพวกเขา หรือชาวบอมเบย์กังวลเกี่ยวกับเมืองที่เขาอาศัยว่าจะถูกชาวอาหรับจากเปอร์เซียยึดครอง
4 พรมแดนสื่อ (mediascapes) ภาพลักษณ์ของความจริงถูกสร้างขึ้น และถูกเผยแพร่ออกไปมากมายโดยหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และภาพยนตร์ พรมแดนสื่อทำให้เรื่องราวของผู้คนจากที่ต่างๆทั่วโลกเป็นที่รับรู้ในวงกว้าง และทำให้คนท้องถิ่นมีโอกาสเผยแพร่เรื่องราวของตัวเองได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
5 พรมแดนความคิด (ideoscapes) รัฐชาติได้สร้างความคิดขึ้นมา ความคิดที่ถูกสร้างส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความรุ่งเรือง ความเจริญก้าวหน้า อิสรภาพ ภราดรภาพ สิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเป็นเอกราช ความคิดเหล่านี้มีการต่อสู้แข่งขันกันในภูมิภาคยุโรป อเมริกา และส่วนต่างๆของโลก
การศึกษาการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนรัฐชาติในมิติวัฒนธรรมแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ แนวทางแรกอธิบายว่าโลกประกอบด้วยความสัมพันธ์ศูนย์กลาง และชายขอบ ซึ่งถูกครอบงำด้วยทุนนิยมตะวันตก แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือวัฒนธรรม คำอธิบายแนวนี้อาจเรียกว่าเป็น แนวคิดแบบ จักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม(cultural imperialism) หรือ การทำให้โลกรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งอธิบายว่าศูนย์กลางอำนาจครอบงำคนที่อยู่ชายขอบ ผู้ที่มีอำนาจจะทำลายวัฒนธรรมชายขอบให้หมดไป และทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมเดียวกัน ซีส แฮมลิงค์ ศึกษาการทำลายวัฒนธรรมดนตรีของท้องถิ่นในประเทศโลกที่สามหลายแห่ง ดนตรีพื้นเมืองเหล่านี้ถูกทำลายโดยดนตรีป็อปอเมริกัน
แฮมลิงค์กล่าวว่า การพัฒนาทางวัฒนธรรมในประเทศศูนย์กลางเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการแผ่ขยายตัวไปยังประเทศชายขอบ และทำให้วัฒนธรรมของชุชนชายขอบถูกทำลายไป หรือถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไป คำอธิบายตามแนวทางนี้ต้องการบอกว่าโลกสมัยใหม่ทำให้ทุกอย่างดูคล้ายกัน และตอกย้ำว่าศูนย์กลางมีอำนาจที่จะครอบงำชายขอบ ซึ่งคำอธิบายนี้มองข้ามพลังของชายขอบที่อาจมีอยู่ และมองข้ามความสัมพันธ์ข้ามพรมแดนระหว่างรัฐประเทศ และท้องถิ่น
แนวทางที่สอง อธิบายว่า ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างศูนย์กลางกับชายขอบ แต่วัฒนธรรมก็เป็นสิ่งที่ลื่นไหลไปมาข้ามพรมแดนรัฐชาติ วัฒนธรรมมิได้ถูกแทนที่ หรือถูกทำให้หายไป แต่มันจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในความหมายอื่นๆ อูลฟ์ แฮนเนอร์ซ กล่าวว่า การหลั่งไหลของวัฒนธรรมข้ามชาติต้องมีเทคโนโลยีใหม่ และสัญลักษณ์ใหม่ให้กับชุมชนชายขอบคอยรองรับ เช่น ดนตรีหรือวรรณกรรม อาจถูกนำกลับมาใช้ใหม่ผสมเข้ากับวัตถุดิบพื้นเมือง และกลายเป็นของใหม่ที่แตกต่างหลากหลาย เช่น นักเขียนชาวไนจีเรีย โวล โซยินก้า ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ.1986 งานเขียนของเขาเป็นการผสมผสานระหว่างความคิดคนเมืองกับจินตนาการเกี่ยวกับตำนานของคนไนจีเรียท้องถิ่น
อาจกล่าวได้ว่า คำอธิบายแนวนี้ทำให้เห็นสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมเนื้อแท้ดั้งเดิม เช่นเดียวกับคำอธิบายแบบจักรวรรดินิยมวัฒนธรรม นอกจากนั้น คำอธิบายทั้งสองแนวอาจถูกต้อง ถ้าโลกหมายถึงการผสมผสานให้เป็นหนึ่งเดียว และการทำให้เกิดความแตกต่างหลากหลาย
นักมานุษยวิทยา และนักวิชาการสาขาอื่นๆ สนใจประเด็นเกี่ยวกับความเป็นชาติในยุคสมัยที่โลกกำลังติดต่อสัมพันธ์กัน คำถามคือ ในปรากฏการณ์ดังกล่าว ซึ่งมนุษย์มีการเคลื่อนย้ายถิ่นข้ามพรมแดนรัฐชาติ โดยอาศัยการเป็นผู้อพยพจะทำให้ความเป็นชาติดำรงอยู่ต่อไปได้หรือไม่ หรือปรากฏการณ์นี้จะทำให้เกิดนโยบายใหม่ในเรื่องพรมแดนประเทศหรือไม่ คำตอบอาจเป็นเรื่องยาก แต่อาจเข้าใจได้ว่าผู้อพยพจากโลกที่สามจำนวนมากซึ่งเดินทางไปตะวันตก หลังสงครามโลกครั้งที่สองโดยเฉพาะอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ผู้อพยพเหล่านั้นทำให้ความหมายของชุมชนรัฐชาติเปลี่ยนแปลงไป
ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 รัฐชาติได้ปรากฏขึ้น และกลายเป็นหน่วยรองรับสังคมทั้งหมดให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ความหมายของคำว่า “ชาตินิยม” จึงเกิดขึ้นมาพร้อมกับการมีสำนึกใหม่ของการเป็นประเทศ ซึ่งวัฒนธรรมต่างๆจะถูกทำให้อยู่ร่วมกันในฐานะเป็นหน่วยพื้นฐานทางการเมือง ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ความเป็นหนึ่งเดียวของรัฐชาติถูกตั้งคำถามมากขึ้น แต่มันก็ยังใช้ตอกย้ำอย่างรุนแรง ผู้อพยพจำนวนมากจากโลกที่สามเดินทางไปตะวันตกถูกกระทำอย่างเข้มงวด บางครั้งมีการพูดถึงความรุนแรงในโรงเรียน ที่ทำงาน ศาล และพื้นที่สาธารณะ มีการโต้แย้งระหว่างผู้ที่ยึดถือชาตินิยมกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย และกลายเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามระหว่างชาตินิยมกับความแตกต่างหลาหลายในชาติ มีการแนะนำให้ศึกษาสังคมในมิติของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความเชื่อและวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันของคนกลุ่มต่างๆ
สจ๊วต ฮอลล์ โต้แย้งว่าประเทศตะวันตกล้วนเต็มไปด้วยความแตกต่างซึ่งยากเกินกว่าจะเยียวยา ตะวันตกประกอบด้วยวัฒนธรรมหลายๆแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถในการใช้ชีวิตอยู่กับความหลากหลายในปัจจุบัน ผู้คนในประเทศต้องจินตนาการว่าตัวเองอยู่กับคนที่ต่างไปจากเราให้ได้ แนวคิดอีกด้านหนึ่ง เช่นความคิดของอาร์เธอร์ เอ็ม ชเรซิงเกอร์ เชื่อว่ามนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม เช่นอเมริกา จะสร้างความร้าวฉานและทำให้ตัวเองอยู่ในกลุ่มเฉพาะ หนทางที่จะทำให้อเมริกาห่างไกลจากความแตกแยกก็คือการทำให้ประเทศหลวมรวมเป็นหนึ่งเดียว โดยทำให้ประชาชนซึมซับวัฒนธรรมเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับการหลั่งไหลของผู้คนข้ามพรมแดนรัฐชาติ ก็คือการสร้าง และปรับปรุงแก้ไขวัฒนธรรมประจำชาติ ซึ่งมีความตึงเครียดเกิดขึ้นกับนโยบายการเมืองของชาติเอง
แหล่งข้อมูล: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)