Sacrifice
ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ
ความหมาย:
การบูชายัญหมายถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในพรมแดนของความศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า คำว่า sacrifice มาจากภาษาลาตินว่า sacrificium ซึ่งหมายถึงการกระทำพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ อีมิล เดอร์ไคม์ อธิบายว่าการรวมกลุ่มเพื่อบูชาเทพเจ้าคือการแสดงออกทางจิตใจของกลุ่มคน อิวานส์ พริทชาร์ดอธิบายว่าศาสนาเป็นเรื่องของการอุทิศตัวกับพระเจ้า เพื่อล้างบาป ทำจิตใจให้สะอาด และ สำนึกต่อการทำผิด ความหมายของศาสนาตามความคิดดังกล่าวเป็นเรื่องของความผูกพันกับพระเจ้า พระเจ้าจะอยู่เหนือโครงสร้างทางสังคม และการบูชาด้วยสิ่งของวัตถุจะเป็นวิธีการติดต่อกับพระเจ้าที่สำคัญ การบูชาเทพเจ้าคือสิ่งที่สังคมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อที่ยืนยันถึงจิตวิญญาณที่สูงส่ง พริทชาร์ดศึกษาชาวนูเออร์ซึ่งมีการบูชายัญด้วยเลือดและอาหาร
การตีความเรื่องพิธีบูชายัญตามความหมายของศาสนาคริสต์นั้น เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติในพิธีมากกว่าการอธิบายตามคัมภีร์ การศึกษาของกิ๊บสันในประเทศฟิลิปปินส์ได้แยกประเภทของพิธีกรรมออกเป็นกลุ่มๆ การปฏิบัติในพิธีกรรมอาจมีหลายอย่าง แต่บางอย่างอาจมีความสำคัญเช่น ในเผ่านูเออร์ การฆ่าสัตว์เป็นพิธีที่สำคัญมาก การประกอบพิธีบูชายัญในเผ่านูเออร์มีสัญลักษณ์มากมายเกิดขึ้น และการตีความสัญลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่น่าศึกษา โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางจิตใจของมนุษย์กับพระเจ้า การศึกษาของคอมบ์ ชิลลิ่งในสังคมของชาวโมร็อคโคที่เป็นมุสลิม พบว่ากิจกรรมการฆ่าสัตว์เพื่อบูชายัญ โดยการใช้หอกทิ่มแทงสัตว์แสดงให้เห็นความรุนแรง เลือดของสัตว์เปรียบเสมือนการเสียความบริสุทธิ์ของเจ้าสาว และการให้กำเนิดทารก ในสังคมโมร็อคโค การบูชายัญด้วยสัตว์คือการแสดงให้เห็นระบบสังคมที่ผู้ชายมีอำนาจ
กิ๊บสันกล่าวว่าในสังคมของชาวบูอิด การฆ่าสัตว์และการประกอบอาหารในพิธีกรรม เป็นการทำให้กับดวงวิญญาณต่างๆ สังคมของชาวบูอิด การบูชายัญด้วยสัตว์มีความหมายต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่การศึกษาความหมายดังกล่าวถูกตีความด้วยทฤษฎีที่แตกต่างกันไป การอธิบายความหมายของพิธีบูชายัญในสังคมกรีกของเดเทียนและเวอร์แนนท์ พบว่าชาวกรีกให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดการกับศพมากกว่าการประหารเหยื่อเพื่อบูชายัญ การบูชายัญด้วยสัตว์ จึงเป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม นักมานุษยวิทยาวิเคราะห์ความหมายของพิธีบูชายัญต่างกัน และพยายามสร้างทฤษฎีของพิธีดังกล่าวขึ้นมา แต่การอธิบายความหมายของพิธียังคงถูกตีความว่าเป็นเรื่องของการฆ่าเพื่อสังเวย และการปลดเปลื้องตนเอง
บล็อกกล่าวว่าการตีความพิธีบูชายัญมีส่วนคาบเกี่ยวกับการทำพิธีประเภทอื่นๆซึ่งอาจมีการฆ่าสัตว์ปรากฏอยู่ เช่น พิธีเปลี่ยนสถานภาพ พิธีเริ่มวัยหนุ่มสาว พิธีแต่งงาน และการเคลื่อนไหวทางศาสนา เป็นต้น บล็อกเชื่อว่าพิธีกรรมเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโลกทัศน์ ความเชื่อ และ อำนาจของสังคม คำถามสำคัญประการหนึ่งคือ ทำไมจึงมีการฆ๋าสัตว์เพื่อการบูชายัญในพิธีที่เป็นสัญลักษณ์อย่างสอดคล้องลงตัว ในการศึกษาของเลวี่สเตราส์ เรื่อง The Savage Mind อธิบายว่าการใช้สัตว์ในพิธีมีความหมาย 2 ประการ คือ 1) หมายถึงการแบ่งแยกพรมแดนระหว่างสัตว์ที่เป็นของศักดิ์สิทธิ์กับสัตว์ธรรมดาทั่วไป และ 2) หมายถึงความสำคัญและคุณค่าของสัตว์ประเภทนั้นที่ใช้บูชาในพิธี
ความคิดเกี่ยวกับโครงสร้างของพิธีทำให้พิธีมีความสมบูรณ์มีระเบียบที่ตายตัว ซึ่งสะท้อนความกลมเกลียวหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคม เลวี่สเตราส์อธิบายว่าในสังคมเผ่าอะบอริจินมีการจัดระเบียบที่ลงตัว และการจัดประเภทของสัตว์ก็ขึ้นอยู่กับการล่าสัตว์ ชาวอะบอริจินจะมีการจัดระเบียบ และจัดประเภทของสัตว์ไว้ อย่างไรก็ตามคำอธิบายของเลวี่สเตราส์ก็ใช้ได้เฉพาะสังคมขนาดเล็กที่ยังชีพด้วยการล่าสัตว์หรือเพาะปลูก ซึ่งแตกต่างไปจากสังคมที่มีระบบการเกษตรและปศุสัตว์เชิงพาณิชย์ ความหมายของสัตว์เลี้ยงจึงเป็นการบ่งบอกพรมแดนที่ต่างกันระหว่าง “วัฒนธรรม” กับ “ธรรมชาติ” เอ็ดมันด์ ลีชกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับวัฒนธรรมนั้นจำเป็นต้องมีหน่วยคงที่ ซึ่งการมีกฎข้อบังคับ หรือข้อห้ามภายในสังคมจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดำรงอยู่ได้
ดังนั้นมนุษย์ สัตว์และสถานที่จึงต้องมีข้อห้ามคอยกำกับ และการจะเปลี่ยนพรมแดนจากข้อห้ามหนึ่งไปยังข้อห้ามอื่นๆจะทำให้เกิดสภาวะอันตราย หากพิจารณาว่าการใช้สัตว์บูชายัญเกี่ยวข้องกับโลกทางวัตถุ ก็จะพบว่าสังคมมีการจัดระเบียบ และมีพิธีกรรม การใช้สัตว์บูชายัญเพื่อสังเวยเทพเจ้าก็เพื่อทำให้เทพเจ้าพอใจ ขณะเดียวกันก็เป็นการไถ่บาปให้ตัวมนุษย์ การทำพิธีบูชายัญจึงเป็นการแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอำนาจเหนือธรรมชาติ และการใช้สัตว์เพื่อการบูชายัญจะต้องเป็นสัตว์เลี้ยง ขณะที่สัตว์ประจำเผ่าต้องเป็นสัตว์ที่มาจากป่า
แหล่งข้อมูล: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)