Folk Culture
ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ
ความหมาย:
วัฒนธรรมพื้นบ้าน (Folk Culture) หมายถึงการแสดงออกของวิถีชีวิตชาวบ้านและคนท้องถิ่นซึ่งยึดถือในพิธีกรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีและอยู่ห่างไกลจากสังคมเมือง เช่น ชุมชนชาวนาที่ยั่งชีพแบบเรียบง่าย แต่เดิม แนวคิดเรื่องวัฒนธรรมพื้นบ้านใช้อธิบายลักษณะ คุณค่า และโครงสร้างสังคมที่มีอยู่ในชุมชนชนบท นักมานุษยวิทยาและนักคติชนวิทยาในยุโรป ในคริสต์ศตวรรษที่ 19และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 อธิบายว่า “คนพื้นบ้าน” หมายถึงชาวนาหรือชนชั้นแรงงานที่ยึดในจารีตประเพณี เป็นพวกที่อยู่ตรงข้ามกับชนชั้นนำในเมืองที่มีหัวก้าวหน้า การศึกษาเรื่องคนพื้นบ้านได้แก่ เรื่อง Folk-Ways ของวิลเลียม ซัมเมอร์ และ Golden Bough ของเจมส์ เฟรเซอร์
แนวคิดเรื่องวัฒนธรรมพื้นบ้านเกิดขึ้นครั้งแรกในการศึกษาสังคมชาวนา เริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930 สังคมชาวนาที่ดำรงอยู่ในรัฐชาติ ถูกเรียกว่าเป็น “สังคมประกอบ” ซึ่งถูกครอบงำทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยอำนาจศูนย์กลาง ต่างจากสังคมชนเผ่าตรงที่ สังคมชาวนาไม่ถูกกีดกันออกไปจากการมีส่วนร่วม แต่ยังคงมีการติดต่อสัมพันธ์กับศูนย์กลางที่เจริญและเป็นรัฐขนาดใหญ่ ในทศวรรษที่ 1950 มีปัญหา 3 อย่างในการวิเคราะห์สังคมชาวนา ปัญหาแรกคือ อะไรคือบทบาทของจารีตประเพณี พิธีกรรม และความเหนียวแน่นทางสังคมที่พบในชุมชนพื้นบ้าน และทำให้ต่างไปจากสังคมเมือง ปัญหาที่สอง อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมพื้นบ้าน กับวัฒนธรรมเมือง ปัญหาที่สาม มีกระบวนการอะไรที่ทำให้วัฒนธรรมพื้นบ้านเปลี่ยนแปลงไป
โรเบิร์ต เรดฟีลด์ ใช้คำว่า “folk society” และ “folk culture” เพื่อย้ำความแตกต่างของโครงสร้างสังคม รวมทั้งความต่างของความเชื่อและระบบคุณค่า folk culture หรือวัฒธรรมพื้นบ้าน ตามความคิดของเรดฟีลด์ เป็นสิ่งที่อิงอยู่กับศีลธรรม เขากล่าวว่าสังคมพื้นบ้านให้ความสำคัญกับระเบียบศีลธรรมมากกว่ากฎเกณฑ์ สังคมท้องถิ่นเป็นสังคมที่ยึดเหนี่ยวกันด้วยศีลธรรมอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือฐานะ คำว่า folk society หรือ สังคมพื้นบ้านตามความคิดของเรดฟีลด์ คือการอธิบายลักษณะเด่นๆของสังคมและวัฒธรรมที่ยึดในระเบียบศีลธรรมเช่นนี้ เป็นสังคมขนาดเล็กที่แยกตัวอยู่ตามลำพัง คนไม่รู้หนังสือ และมีเอกภาพ คนจะมีจิตสำนึกถึงความเป็นกลุ่มสูง ลักษณะทางเศรษฐกิจเป็นแบบพึ่งตัวเอง ไม่มีการแยกประเภทงานมากนัก สังคมพื้นบ้านจึงเป็นสังคมที่สงบราบรื่น กลมเกลียวและยึดในประเพณี ประเพณีคือสิ่งที่มีค่าเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นดั่งศาสนา
ในการศึกษาชนเผ่า Yucatan ในเม็กซิโก เรดฟีลด์พยายามมองหาความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างหมู่บ้านกับเมือง และนครขนาดใหญ่ โดยชี้ว่าชุมชนเริ่มแรกพัฒนาจากสังคมพื้นบ้านและเปลี่ยนไปสู่สภาพเมืองในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นการศึกษาในมิติประวัติศาสตร์และบริบททางชาติพันธุ์ แนวคิดเรื่องวัฒนธรรมพื้นบ้าน จึงเป็นแนวคิดพื้นฐานที่จะใช้อธิบายวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมของรัฐที่ซับซ้อนขึ้นที่เปลี่ยนสภาพไปจากการเป็นชุมชนหมู่บ้านท้องถิ่น
ซิดนีย์ มินท์โต้แย้งว่าลักษณะของสังคมพื้นบ้านหลายอย่าง อาจพบเห็นได้ในพื้นที่ของสังคมอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นสังคมแรงงานที่อาศัยอยู่ในชนบท เช่น ชุมชนที่ทำไร่อ้อย เป็นต้น
การศึกษาทางมานุษยวิทยาในเวลาต่อมา สนใจประเด็นเกี่ยวกับ Materialism ในทางวัฒนธรรม การศึกษาสังคมชาวนาระยะหลังสนใจเรื่องการปรับตัว การพัฒนา ระบบเศรษฐกิจ และความแตกต่างทางฐานะ ซึ่งเป็นประเด็นที่จะช่วยอธิบายความแตกต่างของอำนาจและฐานะทางเศรษฐกิจในชุมชนชาวนาที่ซับซ้อน
แหล่งข้อมูล: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)