Sustainable Agriculture ความหมายคำศัพท์ทางมานุษยวิทยา

Sustainable Agriculture


ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

ความหมาย:

         เกษตรกรรมแบบเลี้ยงตัวเอง หมายถึง การเพาะปลูกที่ลงทุนต่ำ และเป็นการผลิตเพื่อเลี้ยงคนในครัวเรือน หรือชุมชน  การเลี้ยงตัวเองคือการให้ความสนใจต่อสังคม  ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ การเกษตรแบบนี้จะคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับการดำรงชีพของมนุษย์ ผู้ทำการเพาะปลูกจะรู้จักควบคุมการใช้ที่ดินและน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ดำรงอยู่ การเกษตรแบบเลี้ยงตัวเองจะมีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสาน จะมีพืชหลายชนิดปลูกอยู่รวมกันเพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ

          จากการศึกษาทางโบราณคดีพบว่าสังคมเกษตรกรรมช่วยทำให้มีอาหารเลี้ยงประชากรจำนวนมาก แต่เมื่อดินเสื่อมคุณภาพทำให้อาหารมีน้อยลง รวมถึงปัญหาการปลุกพืชชนิดเดียวซ้ำๆ การตัดไม้ การถางป่า และดินเค็มก็ทำให้เกษตรกรรมไม่ได้ผล  เช่น วัฒนธรรมคาโฮเกียในเขตลุ่มน้ำมิสซิสซิปปี้ในช่วง ค.ศ.800-1,200 มีการปลูกพืชชนิดเดียวที่เลี้ยงประชากรประมาณ 1 หมื่นคน  ปัจจุบันในเขตป่าลุ่มน้ำของกัวเตมาลา เบลิซ และบางส่วนของเม็กซิโก ชาวมายาเคยสร้างเมืองขนาดใหญ่ในบริเวณนี้เป็นเวลาหลายร้อยปี  เมืองหลายเมืองถูกทิ้ง เพราะแห้งแล้งและทำการเพาะปลูกไม่ได้ เนื่องจากดินสึกร่อนและเค็ม  ในเขตชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของแอฟริกาเหนือ ซึ่งปัจจุบันเป็นทะเลทรายในอัลจีเรียและลิเบีย ในอดีตเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งชาวโรมันเข้ามาตั้งรกราก     ในอาณาจักรเมโสโปเตเมียมีการตัดไม้จำนวนมากทำให้เกิดความแห้งแล้ง ดินมีความเค็มและละลายลงในน้ำ

          ตรงข้ามกับพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกที่ได้ผลผลิตดีเป็นเวลานาน เช่น การปลูกข้าวในระบบชลประทานของจีน ญี่ปุ่น และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  รวมทั้งเกษตรกรมบนภูเขาในสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นการเพาะปลูกแบบเลี้ยงตัวเอง ซึ่งไม่มีปัญหาการเสื่อมโทรมและพังทลายของดิน หรือปัญหาน้ำเสีย  ระบบเกษตรกรรมแบบนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับประชากรจำนวนมาก และการมีที่ดินจำกัด  ชาวนาจะมีที่ดินทำกินจำนวนน้อย ใช้แรงงานในครัวเรือน มีการปลุกพืชหมุนเวียน และมีการเลี้ยงสัตว์  เมื่อไม่มีงานในไร่นา ชาวนาก็จะทำงานอื่นๆที่สร้างรายได้ให้ครัวเรือน  เกษตรกรรมแบบนี้เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม มีผลผลิตดี และเลี้ยงสมาชิกในครัวเรือนได้  ส่วนชาวนาในสังคมอุตสาหกรรมพยายามที่จะใช้ตัวอย่างจากเกษตรกรรมในสังคมขนาดเล็ก

          ในประเทศอุตสาหกรรม  ที่ดินมีจำนวนมาก มีการใช้เครื่องจักรในการเกษตร เกษตรกรรมรายย่อยบางรายอาจใช้วิธีการเพาะปลูกแบบธรรมชาติเพื่อมิให้ดินเสื่อคุณภาพ  เกษตรกรอาจใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี เพื่อทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ เช่น ปุ๋ยจากมูลสัตว์ เป็นต้น  เมื่อถึงฤดูหนาวจะมีการปลูกพืชคลุมดิน ชาวข้าวโอ๊ต, อัลฟัลฟ่า, ข้าวไรย์ เป็นต้น พืชจะช่วยการพังทลายของดิน ป้องกันการสึกกร่อนจากน้ำกัดเซาะ  เกษตรกรบางคนกล่าวว่าการเลี้ยงสัตว์จะช่วยทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์

          ขบวนการเคลื่อนไหวของเกษตรกรรมแบบเลี้ยงตัวในประเทศอุตสาหกรรม มีสาเหตุมาจากการคิดถึงอนาคตของลูกหลาน  ถ้าชาวนายังคงเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงคนจำนวนมาก จำเป็นต้องมีการเพาะปลูกแบบรักษาธรรมชาติ ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับการเพาะปลูกเพื่อการค้า และในบางพื้นที่ก็ประสบผลสำเร็จมากกว่าเกษตรกรรมแบบเครื่องจักร  อย่างไรก็ตาม เกษตกรรมแบบเลี้ยงตัวเองยังเป็นเรื่องที่ต้องคิดอีกมากเพราะวิธีการเพาะปลูกแบบนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 

แหล่งข้อมูล: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *