Caste
ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ
ความหมาย:
Caste หมายถึงรูปแบบของการจัดช่วงชั้นสูงต่ำทางสังคม ซึ่งกำหนดสถานะและตำแหน่งของบุคคลตามสายเลือดและเครือญาติ ซึ่งคนในชนชั้นเดียวกันเท่านั้นที่จะแต่งงกันกันได้ รวมทั้ง แต่ละชนชั้นหรือวรรณะจะมีสถานภาพ การประกอบอาชีพ วิถีการดำเนินชีวิตในแบบของตัวเอง มีกฎระเบียบในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม โดยทั่วไปจะรู้จักกันในนาม “ชนชั้นวรรณะ” ซึ่งพบเห็นได้ในสังคมของชาวฮินดูในประเทศอินเดีย โดยชาวโปรตุเกสที่เดินทางมาถึงอินเดียในปี ค.ศ.1498 ใช้คำว่า casta เพื่ออธิบายกลุ่มทางสังคมภายในตระกูลที่มีการแต่งงานในกลุ่มเดียวกัน
ในปี 1901 โรเบิร์ต โฮป ริสลีย์ อธิบายว่าชนชั้นในสังคมอินเดียรู้จักในนาม “Jatis” ซึ่งคนในแต่ละชนชั้นจะแต่งงานกับคนชนชั้นเดียวกันเท่านั้น ในทัศนะของชาวฮินดูเชื่อว่าสังคมต้องมีความต่างกัน สมาชิกในสังคมต้องมีแบบแผนการปฏิบัติที่เหมาะสมกับวรรณะและสถานภาพของตนเอง เอ แอล บาแชม อธิบายว่า ศาสนาฮินดูเชื่อว่าคนเกิดมาไม่เท่ากัน มนุษย์ต้องมีลำดับสูงต่ำ มีการแบ่งชั้นวรรณะ และคนในแต่ละชั้นจะมีหน้าที่และวิถีชีวิตที่ต่างกัน
ความหมายของวรรณะ คือการแต่งงานภายในกลุ่มและการสืบทอดความเป็นวรรณะไปสู่ลูกหลาน กรณียกเว้นที่เกิดขึ้นคือการแต่งงานข้ามวรรณะ ซึ่งผู้หญิงมาจากวรรณะต่ำแต่งงานกับผู้ชายที่มีวรรณะสูงกว่า วรรณะที่พบเห็นในชีวิตประจำวันมีการแบ่งแยกจากกันโดยใช้ความสะอาดกับความสกปรกเป็นเกณฑ์ในการปฏิบัติ การแสดงปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เช่นการแบ่งอาหาร การพูดคุย การสัมผัส คือเครื่องบ่งชี้ว่าใครอยู่วรรณะอะไร คนวรรณะต่างๆจะมีอาชีพของตัวเอง เช่น ทำนา ขัดรองเท้า ทำพรม ฯลฯ รวมทั้งมีพิธีกรรมและความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน วรรณะก่อให้เกิดสิ่งสำคัญ 3 สิ่ง คือ ช่วงชั้น การแบ่งแยก และการสืบทอดภายในกลุ่ม สิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือของบุคคลที่จะทำให้ระบบวรรณะสมบูรณ์ตามอุดมคติ
การศึกษาสังคมอินเดียในระยะแรกๆ กล่าวถึงวรรณะในลักษณะที่เป็นการแบ่งคนเป็น 4 วรรณะ แต่ละวรรณะจะมีหน้าที่ของตัวเอง ดูบอยส์ อธิบายว่าวรรณะพราหมณ์มีหน้าที่ทางศาสนา วรรณะกษัตริย์ ทำหน้าที่ด้านการทหาร วรรณะแพศย์มีหน้าที่ด้านกสิกรรม ค้าขายและเลี้ยงสัตว์ วรรณะสูตมีหน้าที่รับใช้คนวรรณะอื่นๆ ทั้ง 4 วรรณะนี้มีช่วงชั้นสูงต่ำ พราหมณ์จะอยู่สูงสุดและสะอาดที่สุด ส่วนสูตจะอยู่ต่ำสุด นอกจากนั้นวรรณะยังทำให้เกิดการแบ่งประเภทคนให้เหมาะสมกับวรรณะต่างๆ นักมานุษยวิทยาชาวอินเดีย ศรีนิวาส อธิบายว่า สิ่งที่สร้างความหมายให้กับระบบชนชั้นในอินเดียคือความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรม ชนชั้นที่มีการประกอบพิธีทางศาสนาที่ซับซ้อนจะได้รับยกย่องนับถือ บุคคลที่ต้องขยับชนชั้นของตนเองให้สูงขึ้นจะพยายามรับธรรมเนียมปฏิบัติทางศาสนาของชนชั้นสูงมาใช้ เพื่อทำให้ตนเองมีฐานะดีขึ้น
ข้อถกเถียงในทางมานุษยวิทยาเกี่ยวกับเรื่องวรรณะ มีการตั้งคำถาม 2 อย่าง อย่างแรกถามว่าการแบ่งวรรณะอาศัยหลักเกณฑ์อะไร และ อย่างที่สอง ระบบวรรณะพบเห็นได้ในวัฒนธรรมอื่นๆหรือไม่ หรือว่ามีเฉพาะวัฒนธรรมเอเชียใต้เท่านั้น ในบาหลี มีการแบ่งชนชั้นเป็น 3 ระดับ ในจีนและมองโกเลียแบ่งชนชั้นเป็น 4 ระดับ ในสังคมญี่ปุ่นมีการแบ่งชนชั้นเป็น กลุ่มจักรพรรดิและโชกุน และกลุ่มมีบุนไซที่ประกอบด้วย ซามูไร ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า นอกจากนั้น ระบบชนชั้นยังพบได้ในเขตตะวันออกกลางและแอฟริกา
แหล่งข้อมูล: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)